2.1.14 โปรแกรม Visual Studio Code |
Visual Studio Code หรือ VSCode เป็นโปรแกรม Code Editor ที่ใช้ในการแก้ไขและปรับแต่งโค้ด จากไมโครซอฟท์มีการพัฒนาออกมาในรูปแบบของ OpenSource จึงสามารถนำมาใช้งานได้แบบฟรีๆ เป็นตัวแก้ไขซอสโค้ด (Source Code Editor) ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทั้งในเรื่องความเร็วการใช้งานและการรองรับได้หลายภาษาถือเป็นโปรเจคโอเพ่นซอสของไมโครซอฟที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากรูปแบบการทำงานจะเหมือนกับ Text Editor ที่มีควาสามารถเฉพาะในการทำแอพพลิเคชั่นให้ใช้งานง่ายโดยเฉพาะฟีเจอร์การทำงานร่วมกับ Git ที่ทำให้แก้ไขด้วย Visual Studio Code นั้นเหมาะสำหรับนักพัฒนาโปรแกรมที่ต้องการใช้งานข้ามแพลตฟอร์ม รองรับการใช้งานทั้งบน Windows, macOS และ Linux สนับสนุนทั้งภาษา JavaScript, TypeScript และ Node.js สามารถเชื่อมต่อกับ Git ได้นำมาใช้งานได้ง่าย การเปิดใช้งานภาษาอื่นๆ ทั้ง ภาษา C++, C#, Java, Python, PHP หรือ Go, Themes ,Debugger, Commands เป็นต้น
ภาพที่ 2.28 โปรแกรม Visual Studio Code |
2.1.1 เว็บไซต์ |
เว็บไซต์ (Website) หมายถึง หน้าเว็บเพจที่จัดทำขึ้น เพื่อนำเสนอข้อมูลต่างๆ ผ่านทางคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต โดยจะมีหน้าเว็บเพจหลายๆ หน้าที่เชื่อมโยงเข้ากับไฮเปอร์ลิ้งค์ เพื่อให้สามารถเปิดไปยังหน้าเพจต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและถูกจัดเก็บไว้ใน www. (เวิลด์ไวด์เว็บ) โดยเว็บไซต์ส่วนใหญ่นั้นก็มีทั้งเว็บไซต์ที่เปิดให้เข้าชมได้ฟรี และเว็บไซต์ที่ต้องสมัครสมาชิกและเสียค่าบริการ จึงจะเข้าใช้งานเว็บได้ ซึ่งข้อมูลในเว็บก็จะมีหลากหลายแบบ ขึ้นอยู่กับความต้องการนำเสนอของเจ้าของเว็บไซต์ การเรียกดูเว็บไซต์จะเรียกดูผ่านทางซอฟต์แวร์ ในลักษณะของเบราว์เซอร์
เว็บเบราว์เซอร์ (Web browser) คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการท่องเว็บ และมีการจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศต่างๆ ด้วยภาษาเฉพาะ เช่น ภาษา HTML ซึ่งก็เปรียบเสมือนกับเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการติดต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเวิลด์ไวด์เว็บ นอกจากนี้ยังสามารถดูเอกสารในเว็บเซิร์ฟเวอร์ได้ ไม่ว่าเว็บเหล่านั้นจะแสดงข้อมูลในลักษณะของภาพ ระบบมัลติมีเดีย รูปภาพหรือข้อความ ในปัจจุบันเว็บเบราว์เซอร์ที่รองรับระบบ HTML 5 สามารถอ่าน CSS 3 ได้อย่างสวยงาม และกำลังได้รับความนิยมมากที่สุด
โฮมเพจ (Home Page) ก็คือหน้าแรกของเว็บไซต์เมื่อเปิดเข้าไปยังเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่ง โดยหน้าแรกนี้จะรวมเมนูและเรื่องราวต่างๆ ไว้มากมาย ซึ่งก็มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะหากหน้าแรกมีการออกแบบได้อย่างสวยงามและจัดหน้าอย่างเป็นระเบียบก็จะทำให้ผู้ชมเกิดความสนใจและอยากเข้าชมเว็บมากขึ้น ดังภาพที่ 2.1
ภาพที่ 2.1 Home Page
เว็บเพจ (Web Page) ก็คือหน้าเอกสารต่างๆ ที่อยู่ในรูปของ HTML โดยจะนำเสนอข้อมูลหรือเรื่องราวต่างๆ เป็นหน้าๆ ไป และใช้การเชื่อมโยงเพื่อให้สามารถคลิกไปหน้าเว็บเพจแต่ละหน้าได้ง่ายขึ้น
เว็บ Static คือเว็บที่แสดงผล เพื่อให้ความรู้หรือข้อมูลแก่ผู้เข้าชมเว็บเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถโต้ตอบหรือรับส่งข้อมูลกับผู้ที่เข้าชมเว็บได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเว็บไซต์ประเภทนี้ ก็จะเป็นเว็บ Gallery รูปภาพ เว็บของบริษัทหรือองค์กรต่างๆ และเว็บให้ความรู้ทั่วไป
เว็บ Dynamic เป็นเว็บไซต์ที่สามารถตอบโต้ และรับส่งข้อมูลระหว่างผู้เข้าชมกับเว็บไซต์ได้ ซึ่งเว็บเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็จะมีระบบเว็บบอร์ด รวมไปถึง Social Media ประเภทต่างๆ มีการสมัครสมาชิก หรือเป็นเว็บขายสินค้าออนไลน์ที่มีระบบแชทกับผู้ขาย เป็นต้น
Web Service เป็นบริการด้านข้อมูล ที่สามารถดึงข้อมูลของอีกเว็บหนึ่งไปแสดงผลในอีกเว็บหนึ่งได้
Hosting เป็นพื้นที่ของคอมพิวเตอร์แม่ข่าย ที่ทางผู้ให้บริการได้ทำการจัดสรรมาให้เช่า โดยส่วนใหญ่จะมีการให้เช่าเป็นแบบรายเดือน รายปีหรือตามแต่ผู้ให้บริการกำหนด
อินเตอร์เน็ต (Internet) เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อให้ผู้คนสามารถท่องเว็บไซต์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย และช่วยให้กลุ่มองค์กร ธุรกิจหรือบริษัทสามารถนำเสนอข้อมูลของตนลงบนอินเทอร์เน็ต ผ่านทางเว็บไซต์ เป็นการให้ความรู้และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารต่อกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
2.1.2 ประเภทของเว็บไซต์ |
การที่เราจะสามารถใช้งานเว็บไซต์ให้ เกิดประโยชน์สูงสุดได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องเข้าใจถึงลักษณะทั่วไปของเว็บไซต์และจำแนกแยก แยะได้ว่าเว็บไซต์เหล่านั้นมีความแตกต่างหรือเหมือนกันอย่างไร รวมถึงมีหน้าที่หลักเฉพาะตัวอย่างใดบ้าง ทั้งนี้ เพื่อให้เรามองเห็นภาพรวมของเว็บไซต์ได้ดียิ่งขึ้น เราอาจแบ่งเว็บไซต์ออกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ 8 ประเภท ตามลักษณะของเนื้อหาและรูปแบบของเว็บไซต์ ซึ่งกลุ่มเว็บไซต์ทั้ง 8 ประเภทนั้น ได้แก่
1) เว็บท่า (Portal Site) อาจเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เว็บวาไรตี้ ซึ่งหมายถึงเว็บที่ให้บริการต่างๆ ไว้มากมาย มักประกอบไปด้วยบริการ เสิร์ชเอ็นจิ้น ที่รวมลิงค์ของเว็บไซต์ที่น่าสนใจไว้มากมายให้เราได้ค้นหา รวมถึงบริการที่เกี่ยวกับเรื่องราวที่มีสาระและบันเทิงหลากหลายประเภท ดูหนังฟังเพลง ดูดวง ท่องเที่ยว ไอที เกม สุขภาพ ฯลฯ
2) เว็บข่าว (News Site) เป็นเว็บที่สร้างขึ้นโดยองค์กรข่าวหรือสถาบันสื่อสาร มวลชนต่างๆ ที่มีสื่อมวลชนประเภทต่างๆ ของตนอยู่เป็นหลัก เช่น สถานีโทรทัศน์ สถานีวิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วรสาร หรือแม้กระทั่ง กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ซึ่งผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลและติดตามข่าวได้ทุกเวลา
3) เว็บข้อมูล (Information Site)เป็นเว็บที่ให้บริการเกี่ยวกับการสืบค้น ข้อมูลข่าวสาร หรือข้อเท็จจริงต่างๆ ที่น่าสนใจ องค์กรต่างๆ มักสร้างเว็บข้อมูลของตนขึ้นมาเพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนหรือกลุ่มบุคคลที่ สนใจ เข้ามาศึกษาค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับองค์กรของตน
4) เว็บธุรกิจหรือการตลาด (Business/Marketing Site) สร้างขึ้นโดย องค์กรธุรกิจต่าง ๆ มีจุดประสงค์ในการประชาสัมพันธ์องค์กรและเพิ่มผลกำไรทางการค้าด้วย โดยเนื้อหาส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดมักจะเป็นการนำเสนอเกี่ยวกับรายละเอียด และความน่าสนใจของสินค้าและบริการ
5) เว็บการศึกษา (Educational Site) ส่วนใหญ่สร้างขึ้นโดยสถาบันการศึกษาต่างๆ หรือองค์กรทั้งของภาครัฐและเอกชนที่มีนโยบายในการเผยแพร่ความรู้ และให้โอกาสในการค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อการศึกษาแก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา รวมถึงประชาชนทั่วไป เว็บการศึกษาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนรู้ที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ บริการการเรียนรู้แบบออนไลน์ หรือที่เรียกว่า อีเลิร์นนิ่ง (E-Learning) ต่าง ๆ
6) เว็บบันเทิง (Entertainment Site) เป็นเว็บนำเสนอและให้บริการต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความบันเทิง จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกัน ดนตรี ภาพยนตร์ ดารา กีฬา เกม ความรัก บทกลอน การ์ตูน เรื่องขำขัน รวมถึงบริการดาวน์โหลดโลโก้และริงโทนสำหรับโทรศัพท์เคลือนที่ด้วย
7) เว็บองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร (Non-profit Organization Site) ส่วนใหญ่สร้างขึ้นโดยบุคคลหรือองค์การต่าง ๆ ที่มีนโยบายในการสร้างและช่วยเหลือสังคมโดยที่ไม่หวังผลกำไรหรือค่าตอบแทน ซึ่งกลุ่มบุคคลหรือองค์การเหล่านี้ได้แก่ สมาคม ชมรม มูลนิธี และโครงการต่างๆ โดยอาจจะมีจุดประสงค์เฉพาะที่แตกต่างกันเช่น เพื่อทำความดี สร้างสรรค์สังคม พิทักษ์สิ่งแวดล้อม ปกป้องสิทธิมนุษยชน รณรงค์ไม่สูบบุหรี่ เป็นต้น
8) เว็บส่วนตัว (Personal Site) บางครั้งอาจเป็นเว็บของคนๆ เดียว เพื่อนฝูง หรือครอบครัวก็ได้ โดยอาจจะจัดทำขึ้นด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน เช่น แนะนำตนเอง แนะนำกลุ่มเพื่อน โชว์รูปภาพ แสดงความคิดเห็น เขียนไดอารี่ประจำวัน นำเสนอผลงาน ถ่ายทอดประสบการณ์เกี่ยวกับสิ่งที่เชี่ยวชาญหรือสนใจ |
2.1.3 โรคที่พบบ่อยในสุนัข |
1) โรคอ้วน สัตว์เลี้ยงที่อ้วนตุ้ยนุ้ยอาจจะดูน่ารักน่าฟัดสำหรับเจ้าของ แต่ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเท่าไร หากเหล่าหมาและแมวมีน้ำหนักที่มากเกินไป เพราะโรคอ้วนทำให้สัตว์เลี้ยงเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคไขข้ออักเสบ สำหรับวิธีดูแลหรือรักษาที่เจ้าของทำได้ก็คือ การช่วยควบคุมอาหารและพาไปออกกำลังกายเป็นประจำ
2) พยาธิหนอนหัวใจ โรคนี้มียุงเป็นพาหะ ส่วนมากจะเกิดกับหมามากกว่าแมว หมาที่ติดเชื้อจะมีอาการซึม เหนื่อยง่าย หายใจหอบ ร่างกายอ่อนเพลีย ไอแห้ง ๆ บางตัวจะมีเลือดออกมาด้วยเมื่อไอ ต่อมาจะบวมน้ำ เป็นท้องมาน และตายในที่สุด การรักษาด้วยการฉีดยามีความเสี่ยงสูง อาจมีผลข้างเคียงถึงขั้นตาย เนื่องจากตัวแก่ของพยาธิหนอนหัวใจที่ตายแล้วเข้าไปอุดหลอดเลือด
3) โรคเกี่ยวกับฟันและช่องปากหมาและแมวที่มีกลิ่นปากไม่ใช่เรื่องตลก ถ้าพบว่าเป็นโรคที่เกี่ยวกับช่องปาก เช่น ฟันผุหรือโรคเหงือก ควรพาไปรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ เนื่องจากการรักษามีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งยังอาจจะนำไปสู่โรคที่เกี่ยวกับหัวใจและไตได้ สำหรับวิธีป้องกันให้หาขนมหรือของเล่นขัดฟันให้แทะ
4) โรคไวรัสลำไส้อักเสบ โรคลำไส้อักเสบเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่มักจะเกิดขึ้นกับลูกหมาหรือลูกแมวที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน โดยเชื้อจะเข้าสู่รางกายจากการสัมผัสโดยตรงกับอุจจาระของหมาที่เป็นโรคไวรัสลำไส้อักเสบ จากการกิน เลียอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค หมาและแมวที่ติดเชื้อจะมีอาการซึม อาเจียน ไม่กินอาหารเลย กินแต่น้ำ ในระยะท้ายจะถ่ายเป็นมูกเลือด กลิ่นเหม็นคาวจัด การป้องกันทำได้โดยการฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุ 45-60 วัน และฉีดวัคซีนกระตุ้นทุก 2-3 สัปดาห์ จนกว่าอายุจะครบ 4 เดือน จากนั้นให้ฉีดกระตุ้นติดต่อกันทุกปี
5) โรคไข้หัดสุนัข เป็นโรคที่พบได้ในสุนัขอายุ 2-6 เดือน เชื้อไวรัสไข้หัดสุนัขจะปนเปื้อนอยู่ในสิ่งแวดล้อม เช่น ตามร้านขายสุนัขที่ไม่สะอาด ตามกรง ชามน้ำ อาหาร หรือแม้แต่มือของคนก็สามารถเป็นพาหะนำเชื้อได้ หมาที่ได้รับเชื้อจะมีอาการเบื่ออาหาร ไข้ มีน้ำมูก น้ำตา ตาอักเสบ ปอดบวม บางราย อาเจียน ท้องเสีย และพบตุ่มหนองใต้ท้อง ส่วนใหญ่แล้วสุนัขที่เป็นโรคนี้มักจะตาย เนื่องจากยังไม่มีทางรักษาเฉพาะ แต่ทั้งนี้สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน
6) โรคพิษสุนัขบ้าโรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคที่สามารถติดต่อจากสัตว์สู่คน เกิดจากเชื้อไวรัสเรบีส์ (Rabies Virus) ซึ่งเชื้อนี้จะก่อโรคในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเลือดอุ่นทุกชนิด แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดกับหมามากที่สุด ปัจจุบันยังไม่มียารักษา ส่วนใหญ่ทั้งสัตว์และคนที่ติดเชื้อจะเสียชีวิต แต่สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน
7) โรคติดต่อจากเห็บและหมัด เห็บและหมัดนอกจากจะดูดเลือดและทำให้ระคายเคืองผิวหนังแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรง เช่น โรคพยาธิในเม็ดเลือด สาเหตุของโรคมาจากปรสิตที่อยู่ในตัวเห็บและหมัด สำหรับการป้องกันคือ หมั่นกำจัดเห็บและหมัดในหมาและแมว รวมถึงบริเวณที่นอนและสนามหญ้าในบ้านด้วย
8) โรคข้ออักเสบ โรคนี้เป็นสาเหตุทำให้เกิดการอักเสบของข้อต่อกระดูกต่าง ๆ ส่วนมากมักจะเกิดกับหมาและแมวที่มีอายุมาก ขยับตัวช้า โดยเฉพาะตอนลุกยืน เนื่องจากปวดไขข้อ การรักษาสัตวแพทย์จะให้ยารักษาตามอาการ ทั้งนี้สามารถป้องกันได้โดยการควบคุมน้ำหนักและพาไปออกกำลังเป็นประจำ
9) เบาหวาน หมาและแมวก็สามารถเป็นโรคเบาหวานได้เช่นเดียวกับคน สาเหตุหลักมาจากโรคอ้วน ซึ่งสามารถควบคุมน้ำหนักได้ โดยการเลือกอาหารและออกกำลังกาย สัตว์เลี้ยงบางตัวอาจจะต้องฉีดยาควบคุมระดับน้ำตาลก่อนการกินอาหารร่วมด้วย
10) โรคไตวาย โรคไตวายสามารถพบได้ทั้งในหมาและแมว ส่วนมากจะตรวจเจอในแมวที่มีอายุเยอะ สาเหตุของโรคนี้มาจากหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น อายุ สายพันธุ์ รวมถึงนิสัยการกิน สัตว์ที่เป็นโรคไตวายจะมีอาการซึมเศร้า น้ำหนักลด ขนหยาบแห้ง มีกลิ่นปาก โดยส่วนมากจะรักษาตามอาการ |
2.1.4 ประเภทของวัคซีนสุนัข |
1) วัคซีนเชื้อตาย (Killed vaccine) เป็นวัคซีนที่ผลิตจากเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย ทั้งตัวหรือบางส่วนของเชื้อ โดยทำให้เชื้อตายด้วยกระบวนการต่างๆ เช่น ความร้อน รังสี หรือสารเคมี แล้วนำมามาทำเป็นวัคซีน โดยวัคซีนประเภทนี้จะต้องให้ปริมาณที่สูง กระตุ้นต่อเนื่องหลายครั้ง หรือมีสารสื่อ (Adjuvant) เพื่อกระตุ้นให้ได้ระดับของภูมิคุ้มกันที่เพียงพอ เนื่องจากเชื้อที่เข้าสู่ร่างกายจะไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้ มักจะกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้แค่ในระยะสั้นๆ ต้องทำการกระตุ้นเป็นระยะเพื่อให้ระดับภูมิคุ้มกันสูงพอในการคุ้มกันโรค มีประสิทธิภาพด้อยกว่าวัคซีนชนิดเชื้อเป็นในแง่ของการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
2) วัคซีนเชื้อเป็น (Modified Live Vaccine, MLV vaccine)เป็นวัคซีนที่ผลิกจากเชื้อที่ยังมีชีวิต แต่ทำให้อ่อนฤทธิ์ลง สูญเสียคุณสมบัติในการก่อโรคในตัวสัตว์ แต่ยังมีคุณสมบัติในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ วัคซีนชนิดนี้จะกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้มีประสิทธิภาพกว่าวัคซีนเชื้อตาย ไม่ต้องอาศัยการกระตุ้นหลายๆครั้งเนื่องจากสามารถเพิ่มจำนวนได้ กระตุ้นภูมิได้นาน และใช้ระยะเวลาในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันสั้นกว่ามาก
3) วัคซีนลูกผสม หรือ วัคซีนรีคอมบิแนนท์ (Recombinant vaccine) เป็นวัคซีนที่ผลิตด้วยวิธีการทางพันธุวิศวกรรม โดยการตัดต่อ ยีน (Genes) ของเชื้อก่อโรค ที่เราต้องการเข้าไปในเชื้ออีกตัวที่ไม่มีความรุนแรง และไม่ก่อโรค แต่สามารถติดเข้าสู่ตัวสัตว์ได้ กล่าวคือ เป็นการตัดต่อยีนเชื้อก่อโรค เข้าไปในเวกเตอร์ (Vector) ของเชื้อที่ไม่ก่อโรค หลังจากนั้นจะให้วัคซีนเข้าไปสู่ตัวสัตว์ ยีนของเชื้อก่อโรคจะเข้าสู่เซลล์ของผู้รับผ่านทาง Vector แล้วทำให้ยีนเชื้อก่อโรคเกิดการแสดงออก และทำการผลิตโปรตีนของเชื้อก่อโรคภายในเซลล์ของร่างกาย เกิดการกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ข้อดีของวัคซีนประเภทนี้คือ สามารถกระตุ้นภูมิได้ดี เนื่องจากเชื้อจะสามารถเพิ่มจำนวน สร้างโปรตีนจากยีนของเชื้อก่อโรคออกมาได้จำนวนมาก
นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีอื่นๆในการผลิตวัคซีนแบบต่าง ๆ อีก จุดประสงค์เพื่อลดผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน แต่สามารถกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันได้ในระดับที่คุ้มกันโรคได้ เช่น Virus Like Particles เป็นการนำโปรตีนของไวรัสมาประกอบกัน จนเกือบจะเป็นตัวไวรัส แต่ไม่สามารถทำให้เกิดโรคได้ เนื่องจากไม่มียีนของไวรัสประกอบอยู่ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกในคน (Human Papilloma virus, HPV)
วัคซีนที่กำหนดให้เป็นวัคซีนหลัก (Core Vaccine) ในสุนัข : ที่ควรทำในสุนัขทุกตัว จะประกอบด้วยโรคสำคัญ คือ
1) โรคไข้หัดสุนัข (Canine Distemper Virus, CDV)
2) โรคลำไส้อักเสบ หรือ โรคพาร์โวไวรัส (Canine Parvo virus, CPV)
3) โรคตับอักเสบ (Infectious Canine Hepatitis) ซึ่งเกิดจากเชื้ออะดิโนไวรัส (Canine Adenovirus, CAV)
4) โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) **กำหนดให้เป็นวัคซีนหลักในประเทศไทย เนื่องจากยังมีการระบาดของโรคในพื้นที่
วัคซีนทางเลือก (Non-core vaccine) ในสุนัข : พิจารณาจากข้อมูลการระบาดในแต่ละพื้นที่ คือ
1) โรคหลอดลมอักเสบติดต่อ จากพาราอินฟลูเอนซ่าไวรัส (Canine Parainfluenza virus, CPiV)
2) โรคฉี่หนู หรือโรคเลปโตสไปโรซิส จากเชื้อแบคทีเรีย Leptospira interrogans
3) โรคหลอดลมอักเสบติดต่อ จากเชื้อแบคทีเรีย Bordetella bronchiseptica
ส่วนของวัคซีนหลัก (Core Vaccine) ในแมว : ที่ควรทำในแมวทุกตัว จะประกอบด้วยโรคสำคัญ คือ
1) โรคไข้หัดแมว (Feline Parvo virus, FPV)
2) โรคหวัดจากเชื้อเฮอร์ปีส์ไวรัส (Feline Herpesvirus-1, FHV-1)
3) โรคหวัดจากแคลิซิไวรัส (Feline Calicivirus, FCV)
4) โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) **กำหนดให้เป็นวัคซีนหลักในประเทศไทย เนื่องจากยังมีการระบาดของโรคในพื้นที่
วัคซีนทางเลือก (Non-core vaccine) ในแมว : พิจารณาจากข้อมูลการระบาดในแต่ละพื้นที่ คือ
1) โรคลิวคีเมียในแมว (Feline Leukemia Virus)
2) โรคติดเชื้อคลาไมเดียในแมว จากเชื้อแบคทีเรีย Chlamydophila felis ซึ่งทำให้เกิดอาการระบบทางเดินหายใจส่วนต้น และเยื่อบุตาอักเสบ
โปรแกรมการให้วัคซีนพื้นฐาน
วัคซีนหลัก (core) วัคซีนทางเลือก (non-core) และวัคซีนที่ไม่แนะนํา (not-recommended) สําหรับสัตวแพทย์วัคซีนหลัก คือวัคซีนที่ลูกสุนัขทุกตัวทั่วโลกควรได้รับเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่เป็นปัญหาสําคัญทั่วโลกในบางประเทศอาจเพิ่มเติมวัคซีนหลักให้เหมาะสมกับสถานการณ์การระบาดของโรค เช่น การเพิ่มวัคซีนพิษป้องกันโรคสุนัขบ้าเป็นวัคซีนหลักในประเทศที่ยังพบการระบาดของโรคเพื่อป้องกันการติดเชื้อทั้งในกลุ่มประชากรสุนัขและมนุษย์ ในบางประเทศมีกฎหมายกําหนดให้สัตว์เลี้ยงรวมทั้งในสุนัขที่จะเดินทางไปต่างประเทศต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าสําหรับวัคซีนทางเลือกจะพิจารณาให้ตามภูมิภาคที่เลี้ยงสัตว์ สภาพการเลี้ยงและประเมินจากผลดีและผลเสียจากการให้วัคซีนส่วนวัคซีนกลุ่มไม่แนะนําเป็นวัคซีนที่ยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนการใช้อย่างเพียงพอ ดังภาพที่ 2.2
ภาพที่ 2.2 แผนภูมิแสดงขั้นตอนการทดสอบทางซีรั่ม CMI หมายถึง ภูมิคุ้มกันพึ่งเซลล์
การฉีดวัคซีนนั้นจะเริ่มทำเมื่ออายุ 6-8 สัปดาห์ตามชนิดของวัคซีน โดยการเริ่มฉีดวัคซีน ควรอยู่ในดุลพินิจของสัตวแพทย์ โดยคุณหมอ จะประเมิณจากอายุ ประวัติ พฤติกรรม ความเสี่ยงของตัวสัตว์เลี้ยงแต่ละตัว ก่อนจะเริ่มโปรแกรมวัคซีนให้กับเด็ก ๆ แต่ละคน บางท่านอาจเกิดคำถามว่าทำไมถึงไม่ควรฉีดวัคซีนในลูกหมา ลูกแมวที่อายุน้อยกว่านี้ ตามข้อมูลความปลอดภัย มีรายงานว่าวัคซีนบางชนิด หากได้รับเร็วเกินไป อาจก่อผลเสียต่อพัฒนาการของลูกสัตว์ และอาจก่อให้เกิดความผิดปกติถาวรได้ ดังนั้นการเริ่มฉีดวัคซีนที่เร็วเกินไปอาจจะก่อผลเสียมากกว่าจะเป็นผลดี หากสุนัข หรือแมวที่เราเลี้ยงอยู่ในบ้านตลอด ไม่เคยได้ออกไปไหน หรือที่ทุกคนเรียก การดูแลแบบนี้ว่า “ระบบปิด” หรือแบบ Indoor ยังจะจำเป็นต้องให้น้อง ๆ ได้รับการฉีดวัคซีน หรือไม่ แน่นอนว่าระบบปิด ที่ทุกคนเข้าใจกัน น่าจะหมายถึงการที่สัตว์เลี้ยงของเราไม่ได้ออกไปไหน อยู่แต่ในบ้านอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริง ตัวคุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครอง ก็ยังต้องมีเดินทาง เข้า ออก บ้าน อาจจะเป็นพาหะนำเชื้อโรคกลับเข้ามาในบ้านโดยไม่ตั้งใจ และติดน้อง ๆ ได้เช่นกัน และในวันใดวันหนึ่ง น้อง ๆ เองก็อาจจะต้องมีความจำเป็นได้เดินทางออกไปนอกบ้าน เช่น ไปโรงพยาบาล ไปสถานที่ฝากเลี้ยง/โรงแรมสัตว์ ไปสปา/อาบน้ำ/ตัดขน หรือ เจ้าตัวซนอาจจะแอบหนีออกจากบ้าน หรือกรณีเลวร้าย เช่น ตกใจเสียงพลุ เครื่องเสียง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก จนหนีเตลิดออกไปนอกบ้าน หรือวันใดวันหนึ่ง เราอาจจะมีสมาชิกตัวซนใหม่เข้ามาในบ้าน การฉีดวัคซีน จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพื่อป้องกันโรคร้ายที่อาจจะมาติดเด็ก ๆ ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
การป้องกันโรคร้ายอาจจะมีวิธีอื่น ๆ แต่ก็เป็นไปได้ยากมากเช่นกัน นั่นก็คือหลักการณ์ “ภูมิคุ้มกันฝูง” (Herd immunity) คือการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิกันต่อโรคในกลุ่มประชากรของสุนัข และแมว ให้มากกว่า 75% หรือมากกว่านั้น ซึ่งแม้ในประเทศที่มีการจดบันทึกข้อมูลวัคซีนที่ดีอย่างประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ยังพบว่าประชากรสุนัข และแมว ยังมีการฉีดวัคซีนในกลุ่มประชากรไม่ถึง 50% ของจำนวนสุนัข และแมวทั้งหมด ซึ่งการที่ประชากรที่มีภูมิคุ้มกันในระดับฝูงสูง ก็จะสามารถป้องกันไม่ให้การระบาดของโรคเกิดขึ้น และติดต่อมายังน้องหมา น้องแมวของเราได้ ในกรณีนี้ ถ้าน้องหมา น้องแมวของเรามีปัจจัยที่ไม่สามารถรับวัคซีนได้จริง ๆ เช่น ปัญหาสุขภาพ หรือมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดผลข้างเคียงจากการได้รับวัคซีน การป้องกันที่ทำได้ คือการรณรงค์ให้น้องหมา น้องแมวทุกตัวที่สามารถรับวัคซีนได้ ไปฉีดวัคซีนกัน เพราะการป้องกันง่ายกว่าการรักษามาก ดังนั้นพาน้อง ๆ ไปฉีดวัคซีนกันนะคะ
ทำไมถึงต้องฉีดวัคซีนหลายเข็ม
การฉีดวัคซีนในช่วงวัยเด็ก ของสุนัข และแมว จะมีหลายปัจจัยที่คุณหมอต้องพิจารณา แต่ 1 ในปัจจัยสำคัญที่มีผลกับการสร้างภูมิคุ้มกันของเด็ก ๆ ก็คือ ภูมิคุ้มกันถ่ายทอดจากแม่ (Maternal Derived Antibodies, MDA) ซึ่งส่งผ่านมาทางการกินนมน้ำเหลือง (Colostrum) ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังคลอด ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันในวัยเด็กที่แม่ส่งผ่านมาให้ลูก ภูมิคุ้มกันที่ส่งผ่านมานี้ จะมีมากน้อยในแต่ละตัวไม่เท่ากัน และจะค่อย ๆ ลดระดับลง เมื่อเด็ก ๆ เริ่มโตขึ้น ดังนั้นเป้าหมายของการฉีดวัคซีนในวัยเด็ก จะต้องทำให้เด็ก ๆ มีภูมิคุ้มกันในระดับที่ป้องกันโรคได้ทันก่อนที่ภูมิคุ้มกันจากแม่จะลดลง จนไม่สามารถป้องกันโรคภัยที่จะเข้ามาทำร้ายเด็ก ๆ การวางแผนในการฉีดวัคซีนจะต้องทำให้ช่วงเวลาที่ลูกสัตว์มีโอกาสติดเชื้อ ในขณะที่ยังไม่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยการให้วัคซีนได้ (Window of susceptibility) สั้นที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
ดังภาพที่ 2.3
ภาพที่ 2.3 แสดงกราฟระดับของภูมิคุ้มกัน(เส้นสีน้ำเงิน) ที่ค่อยๆลดลงเมื่ออายุลูกสุนัขเพิ่มขึ้น
ระดับภูมิคุ้มกันของแม่จะค่อยๆลดลงเฉลี่ยที่อายุ 8-12 สัปดาห์ หรือนานมากกว่านั้นในลูกสุนัข และแมว ที่ได้รับภูมิคุ้มกันถ่ายทอดจากแม่ในปริมาณสูง ซึ่งเป็นผลดีในการป้องกันโรคให้กับลูกสัตว์ แต่จะมีผลทำให้วัคซีนที่ถูกฉีดให้ลูกสัตว์ ไม่สามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันของตัวเองขึ้นได้ เนื่องจากถูกภูมิคุ้มกันถ่ายทอดจากแม่ จับทำลายไปหมดจนไม่เกิดการสร้างภูมิของตัวเองขึ้นมา ดังภาพที่ 2.4
ภาพที่ 2.4 กราฟเปรียบเทียบระดับของภูมิคุ้มกันที่สร้างหลังจากการฉีดวัคซีนในแต่ละช่วงอายุ |
2.1.10 ฐานข้อมูล MySQL |
MySQL เป็นระบบจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์แบบโอเพนซอร์ส (RDBMS) ที่ใช้งานง่าย รวดเร็ว และเชื่อถือได้สำหรับการจัดเก็บและเรียกข้อมูลสำหรับเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน
MySQL เป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สและสามารถดาวน์โหลดได้ฟรี ไม่มีการจำกัดจำนวนเซิร์ฟเวอร์ ผู้ใช้ หรือฐานข้อมูลที่คุณสามารถสร้างได้ตราบเท่าที่การสมัครของคุณยังคงใช้งานได้
MySQL เป็น RDBMS ยอดนิยมสำหรับเว็บแอปพลิเคชันเพราะใช้งานง่าย รวดเร็วและเชื่อถือได้ นอกจากนี้ ซอฟต์แวร์ยังมีชุมชนผู้ใช้ขนาดใหญ่และมีตัวเลือกการสนับสนุนเชิงพาณิชย์มากมาย MySQL ยังมีความยืดหยุ่นสูงโดยอนุญาตให้คุณจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบต่างๆ และกำหนดสคีมาของคุณเอง
MySQL เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับเว็บแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ รวดเร็ว เชื่อถือได้ และปลอดภัย นอกจากนี้ยังเป็นโอเพ่นซอร์สเพื่อให้คุณสามารถใช้งานได้ฟรี MySQL เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับแอปพลิเคชันและการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ มีคุณสมบัติอันทรงพลังที่สามารถรองรับข้อมูลปริมาณมากได้ และสามารถปรับขนาดได้ คุณจึงสามารถขยายแอปพลิเคชันได้ตามต้องการ
หากคุณต้องการฐานข้อมูลสำหรับธุรกิจของคุณ MySQL เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม มีราคาไม่แพงและมีคุณสมบัติทั้งหมดที่คุณต้องการในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ยังใช้งานง่าย คุณจึงสามารถเริ่มต้นใช้งานได้อย่างรวดเร็ว MySQL เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ใดๆ รวดเร็ว เชื่อถือได้ และปลอดภัย และมีราคาจับต้องได้
ภาพที่ 2.10 ภาษา MySQL
หลักการทำงานของ MySQL
MySQL เป็นระบบจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์แบบโอเพ่นซอร์สหรือ RDBMS ฟรี ถูกสร้างขึ้นโดย Michael Widenius และ David Axmark ในปี 1995 MySQL เป็น RDBMS ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก โดยมีการติดตั้งมากกว่า 60 ล้านครั้งทั่วโลก
MySQL ใช้เพื่อเก็บข้อมูลสำหรับเว็บไซต์ เว็บแอปพลิเคชัน และแอปมือถือ เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับเว็บไซต์ส่วนตัว การศึกษา และโอเพ่นซอร์สเช่น WordPress หรือดาวน์โหลดฐานข้อมูล MYSQL ภาษาการกำหนดข้อมูลรวมถึงคำสั่งที่ช่วยคุณกำหนดฐานข้อมูลและวัตถุ
โค้ด MySQL เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับเว็บไซต์ขนาดใหญ่และเว็บแอปพลิเคชัน เนื่องจากสามารถรองรับการรับส่งข้อมูลในระดับสูง นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติที่ทรงพลัง เช่น การค้นหาข้อความแบบเต็ม กระบวนงานที่เก็บไว้ ทริกเกอร์ และมุมมอง MySQL มีให้เลือกสองรุ่น: Community Edition และ Enterprise Edition Community Edition นั้นฟรีและเป็นโอเพ่นซอร์ส ในขณะที่ Enterprise Edition มีฟีเจอร์มากกว่าและได้รับอนุญาตให้ใช้ในเชิง
คุณสมบัติของ MySQL
MySQL เป็นระบบจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (RDBMS) ซึ่งหมายความว่ามีความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลในตารางและดำเนินการกับข้อมูลนี้โดยใช้ SQL นอกจากนี้ยังรองรับเอ็นจิ้นการจัดเก็บข้อมูลหลายตัว ซึ่งมีหน้าที่ในการจัดการวิธีการจัดเก็บข้อมูลภายใน MySQL หนึ่งในเอ็นจิ้นการจัดเก็บข้อมูลเหล่านี้รวมถึง InnoDB ซึ่งอนุญาตให้ทำธุรกรรมและการล็อกระดับแถว
MySQL ยังมีคุณสมบัติมากมายที่ไม่พบใน RDBMS อื่นๆ เช่น การสนับสนุนโพรซีเดอร์และทริกเกอร์ที่เก็บไว้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อขับเคลื่อนทั้งเว็บไซต์ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ สุดท้าย MySQL เป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่เผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตสาธารณะทั่วไป ซึ่งหมายความว่าใช้งาน
คุณสมบัติบางอย่างของ MySQL รวมถึง:
1) A ระบบการจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (RDBMS) ที่สามารถเก็บข้อมูลในตารางและดำเนินการกับข้อมูลนี้โดยใช้ SQL
2) รองรับเอ็นจิ้นการจัดเก็บข้อมูลหลายตัว รวมถึง InnoDB ซึ่งอนุญาตให้ทำธุรกรรมและการล็อคระดับแถว
3) นำเสนอคุณลักษณะจำนวนหนึ่งที่ไม่พบใน RDBMS อื่น เช่น การสนับสนุนสำหรับกระบวนงานที่เก็บไว้และทริกเกอร์
4) สามารถใช้ได้ทั้งเว็บไซต์ขนาดเล็กและขนาดใหญ่
5) ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่เผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตสาธารณะทั่วไปของกนู ซึ่งหมายความว่าใช้งานได้ฟรี
ข้อดีของ MySQL
1) MySQL มีข้อดีหลายประการที่บริษัทใหญ่ๆ ใช้ เป็นโอเพ่นซอร์สฟรีและเชื่อถือได้สำหรับใช้ในแอปพลิเคชันที่สำคัญต่อภารกิจ MySQL ใช้คุณสมบัติ ACID เพื่อให้ความสมบูรณ์ของธุรกรรมในเอ็นจิ้นการจัดเก็บข้อมูลหลายตัว ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชันฐานข้อมูลบนเว็บที่ปรับขนาดได้สูงอย่างง่ายดายโดยใช้อินเทอร์เฟซ SQL โดยไม่ต้องมีความรู้เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมของระบบหรือเอ็นจิ้นการจัดเก็บข้อมูล
2) MySQL ยังมีคุณสมบัติมากมายที่ทำให้เหมาะสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันบนคลาวด์ ซึ่งรวมถึงความสามารถในการใช้เอ็นจิ้นการจัดเก็บข้อมูลหลายตัว รวมถึง InnoDB และ MyISAM รวมถึงการรองรับโปรโตคอลแคช Memcached MySQL ยังสนับสนุนการจำลองแบบ ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างระบบฐานข้อมูลที่กระจายตัวตามภูมิศาสตร์ได้โดยใช้ความพยายามในการพัฒนาเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย
3) MySQL เป็นหนึ่งในระบบฐานข้อมูลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน และมีชุมชนผู้ใช้ขนาดใหญ่และกระตือรือร้น ซึ่งหมายความว่ามีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับการใช้ MySQL สำหรับการพัฒนาทั้งแอปพลิเคชันบนเว็บและบนคลาวด์ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ MySQL จึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันฐานข้อมูล
ข้อดีบางประการของ MySQL คือ:
1) เป็นโอเพ่นซอร์สฟรีและเชื่อถือได้
2) ใช้คุณสมบัติ ACID เพื่อให้การทำธุรกรรมมีความสมบูรณ์
3) รองรับเอ็นจิ้นการจัดเก็บข้อมูลหลายตัว รวมถึง InnoDB และ MyISAM
4) รองรับการจำลองแบบสำหรับระบบที่กระจัดกระจายทางภูมิศาสตร์
5) ชุมชนผู้ใช้ขนาดใหญ่พร้อมข้อมูลมากมาย
6) นอกจากนี้ยังมีประโยชน์เพิ่มเติมอีกหลายประการในการใช้ MySQL ได้แก่:
6.1) ซอฟต์แวร์นี้ฟรีและสามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใดก็ได้ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายมากเมื่อเทียบกับตัวเลือกฐานข้อมูลอื่นๆ เช่น Oracle หรือ MS SQL Serverนอกเหนือจากการเป็นโอเพ่นซอร์สแล้ว ซอฟต์แวร์ยังได้รับการทดสอบอย่างกว้างขวางโดยผู้ใช้หลายล้านคน สิ่งนี้ช่วยให้แน่ใจว่ามีความเสถียรและปลอดภัยอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งไม่สามารถพูดได้สำหรับโซลูชันโอเพ่นซอร์สอื่นๆ ที่มีอยู่ทีมสนับสนุนของ MySQL ให้บริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยมตลอด 24/365 ทางอีเมลหรือแชทออนไลน์ พวกเขายังมีฐานความรู้ที่กว้างขวางบนเว็บไซต์ของพวกเขาซึ่งครอบคลุมหัวข้อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ตลอดจนข้อผิดพลาดเฉพาะที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการติดตั้ง
6.2) MySQL มาพร้อมกับคุณสมบัติมากมาย เช่น การจำลองแบบ แบบสอบถามย่อย และทริกเกอร์ ซึ่งไม่มีอยู่ในตัวเลือกซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลอื่นๆ ส่วนใหญ่
6.3) MySQL ต้องการทรัพยากรระบบจำนวนน้อยในการทำงาน
6.4) MySQL มีความสามารถในการสร้างและแก้ไขมุมมอง ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่ไม่พบในฐานข้อมูลอื่นๆ ส่วนใหญ่
ข้อเสียของ MySQL?
โดยสรุป MySQL จะเป็นระบบการจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์แบบโอเพ่นซอร์สที่ทรงพลังและเป็นที่ยอมรับ แต่ก็มีข้อเสียบางประการในการใช้งาน: – นอกจากนี้ ชุมชนนักพัฒนารอบๆ MySQL นั้นไม่ได้แข็งแกร่งหรือใหญ่เท่ากับฐานข้อมูลอื่นๆ เช่น ฐานข้อมูลออราเคิล ซึ่งหมายความว่าอาจเป็นเรื่องยากสำหรับนักพัฒนาที่ต้องการการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมงานเมื่อทำงานกับฐานข้อมูลนี้ – สุดท้าย MySQL มีความยืดหยุ่นน้อยกว่าฐานข้อมูลอื่นๆ เช่น Oracle Database และ Microsoft SQL Server ซึ่งหมายความว่านักพัฒนาอาจต้องทำงานด้วยตนเองมากขึ้น หากพวกเขาต้องการให้โครงการยังคงปรับตัวได้ในอนาคต
เซิร์ฟเวอร์ฐานข้อมูล MySQL เป็นระบบจัดการฐานข้อมูลโอเพ่นซอร์สที่มีประสิทธิภาพซึ่งใช้โดยเว็บไซต์นับล้าน เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับเว็บแอปพลิเคชันที่ต้องใช้ฐานข้อมูล MySQL ใช้งานง่ายและมีคุณสมบัติมากมายที่ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับการสร้างและ การจัดการฐานข้อมูลโดยใช้ PHPMyAdmin. เซิร์ฟเวอร์ MySQL มีให้เลือกสองรุ่น: Community Edition (CE) และ Enterprise Edition (EE) Community Edition เปิดให้ใช้งานฟรีและเป็นโอเพ่นซอร์ส ในขณะที่ Enterprise Edition เป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่มีคุณสมบัติเพิ่มเติม
MySQL ถูกใช้โดยองค์กรขนาดใหญ่หลายแห่ง รวมถึง Facebook, Google, Yahoo! และ Amazon นอกจากนี้ยังเป็นฐานข้อมูลสำหรับเว็บแอปพลิเคชันยอดนิยมมากมาย เช่น WordPress, Joomla และ Drupal MySQL ถูกใช้มานานกว่า 20 ปีและเป็นฐานข้อมูลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก
MySQL เป็นระบบจัดการฐานข้อมูลโอเพ่นซอร์สที่ทรงพลังซึ่งใช้โดยเว็บไซต์นับล้าน เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับเว็บแอปพลิเคชันที่ต้องใช้ฐานข้อมูล MySQL ใช้งานง่ายและมีคุณสมบัติมากมายที่ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับการสร้างและ การจัดการฐานข้อมูลโดยใช้ PHPMyAdmin. MySQL ถูกใช้มานานกว่า 20 ปีและเป็นฐานข้อมูลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MySQL โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ทางการของ MySQL ภาษาควบคุมข้อมูลช่วยให้คุณให้สิทธิ์แก่ผู้ใช้ในการเข้าถึงข้อมูลเฉพาะในฐานข้อมูล ภาษาการจัดการข้อมูลประกอบด้วยคำสั่งที่อนุญาตให้คุณอัปเดตและสืบค้นข้อมูล
|
2.1.5 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสุนัข |
1) ประมวลกฎหมายอาญ สำหรับกฎหมายนี้เป็นกฎหมายที่ออกมาเพื่อก่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในสังคม มีการกำหนดความผิดเอาไว้ชัดเจน เพื่อควบคุมบุคคลให้ประพฤติตนให้อยู่ภายในขอบเขตที่ถูกต้อง ไม่ให้ละเมิดสิทธิ์ของบุคคลอื่น ซึ่งมีข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสัตว์อยู่บางมาตรา ดังนี้
1.1) มาตรา 377 ผู้ใดควบคุมสัตว์ดุหรือสัตว์ร้าย ปล่อยปละละเลยให้สัตว์นั้นเที่ยวไปโดยลําพัง ในประการที่อาจทําอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
1.2) มาตรา 381 ผู้ใดกระทําการทารุณต่อสัตว์หรือฆ่าสัตว์โดยให้ได้รับทุกขเวทนาอันไม่จําเป็น ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
1.3) มาตรา 382 ผู้ใดใช้ให้สัตว์ทำงานจนเกินสมควรหรือใช้ให้ทำงานอันไม่สมควร เพราะเหตุที่สัตว์นั้นป่วยเจ็บ ชราหรืออ่อนอายุ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
1.4) มาตรา 396 ผู้ใดทิ้งซากสัตว์ซึ่งอาจเน่าเหม็น ในหรือริมทางสาธารณะ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท
2) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นกฎหมายเอกชนว่าด้วยเรื่องสิทธิ หน้าที่ และความสัมพันธ์ ระหว่างเอกชนต่อเอกชน ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย ซึ่งจะมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์และทรัพย์สิน รวมถึงข้อกฎหมายชี้แจงไว้ หากเกิดการละเมิดก่อให้เกิดความเสียหายต่ออีกฝ่ายขึ้น ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง ซึ่งมีข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสัตว์อยู่บางมาตรา ดังนี้
2.1) มาตรา 433 ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์ ท่านว่า เจ้าของสัตว์ หรือ บุคคลผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของ จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ต้องเสียหายเพื่อความเสียหายอย่างใดๆอันเกิดแต่สัตว์นั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงการรักษาตามชนิดและวิสัยของสัตว์หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่น หรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้น ย่อมจะต้องเกิดมีขึ้นทั้งที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนั้นอนึ่ง บุคคลผู้ต้องรับผิดชอบดังกล่าวมาในวรรคต้นนั้น จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่บุคคลผู้ที่เร้าหรือยั่วสัตว์นั้นโดยละเมิด หรือเอาแก่เจ้าของสัตว์อื่นอันมาเร้าหรือยั่วสัตว์นั้น ๆก็ได้
3) พระราชบัญญัติ ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 กฎหมายนี้เป็นฉบับหนึ่งที่คนรักสัตว์เฝ้ารอมานาน และเพิ่งออกมาบังคับใช้เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ซึ่งเนื้อหาครอบคลุมต่อสัตว์ทุกชนิด รวมถึงน้องหมาด้วย ซึ่งแต่เดิมเรามีเฉพาะประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 381 และ 382 ที่พูดถึงการทารุณสัตว์ที่ไม่ใช่เหตุจำเป็นหรือไม่ควรเท่านั้น และก็จะมีโทษน้อยมาก คือ จำคุกไม่เกิน 1 เดือนและปรับไม่เกิน 1000 บาท ทำให้คนไม่กลัวและไม่เกิดความเป็นธรรมกับสัตว์ จึงมีการผลักดันกฎหมายฉบับบนี้ออกมา ซึ่งมีเนื้อหาสำคัญดังต่อไปนี้
4) มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้
“การทารุณกรรม” หมายความว่า การกระทําหรืองดเว้นการกระทําใด ๆ ที่ทําให้สัตว์ได้รับความทุกข์ทรมานไม่ว่าทางร่างกายหรือจิตใจ ได้รับความเจ็บปวดความเจ็บป่วย ทุพพลภาพ หรืออาจมีผลทําให้สัตว์นั้นตาย และให้หมายความรวมถึงการใช้สัตว์พิการ สัตว์เจ็บป่วย สัตว์ชรา หรือสัตว์ที่กําลังตั้งท้องเพื่อแสวงหาประโยชน์ ใช้สัตว์ประกอบกามกิจ ใช้สัตว์ทํางานจนเกินสมควรหรือใช้ให้ทํางานอันไม่สมควรเพราะเหตุที่สัตว์นั้นเจ็บป่วย ชราหรืออ่อนอายุ
“การจัดสวัสดิภาพสัตว์” หมายความว่า การเลี้ยงหรือการดูแลให้สัตว์มีความเป็นอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม มีสุขภาพอนามัยที่ดี มีที่อยู่ อาหาร และน้ําอย่างเพียงพอ
“เจ้าของสัตว์” หมายความว่า เจ้าของกรรมสิทธิ์ และให้หมายความรวมถึงผู้ครอบครองสัตว์หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแล ไม่ว่าจะได้รับมอบหมายจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ให้ดูแลด้วย
4.1) มาตรา 20 ห้ามมิให้ผู้ใดกระทําการอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร
4.2) มาตรา 23 ห้ามมิให้เจ้าของสัตว์ปล่อย ละทิ้ง หรือกระทําการใด ๆ ให้สัตว์พ้นจากการดูแลของตนโดยไม่มีเหตุอันสมควรการกระทําตามวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองให้แก่ผู้ซึ่งประสงค์จะนําสัตว์ไปดูแลแทน
4.3) มาตรา 31 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 20 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
5) พระราชบัญญัติ โรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ. 2535 เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสุนัขและสัตว์ควบคุมทุกชนิดตามประกาศในกฎกระทรวง เนื่องจากเป็นโรคติดต่อสู่คนที่สำคัญปัจจุบันยังไม่มีการรักษา ผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจึงควรต้องใส่ใจป้องกัน โดยเฉพาะสุนัขซึ่งในกฎหมายฉบันนี้ได้กำหนดข้อกฎหมายสำคัญเอาไว้ ดังนี้
5.1) มาตรา 5 เจ้าของสัตว์ควบคุมต้องจัดการให้สัตว์ควบคุมทุกตัวได้รับการฉีดวัคซีนจากสัตวแพทย์ หรือผู้ได้รับมอบหมายเป็นหนังสือจากสัตวแพทย์ หรือผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์ตามกำหนดเวลาดังนี้
5.1.1) ในกรณีของสุนัข ให้เจ้าของจัดการให้สุนัขได้รับการฉีดวัคซีนครั้งแรกเมื่อสุนัขนั้นมีอายุตั้งแต่สองเดือนขึ้นไปแต่ไม่เกินสี่เดือน และได้รับการฉีดวัคซีนครั้งต่อไปตามระยะเวลาที่กำหนดในใบรับรองการฉีดวัคซีน
5.2) มาตรา 6 เมื่อสัตว์ควบคุมได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว สัตวแพทย์หรือผู้ได้รับมอบหมายเป็นหนังสือจากสัตวแพทย์ หรือผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์ ซึ่งเป็นผู้ฉีดวัคซีนต้องมอบเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ ซึ่งแสดงว่าสัตว์ควบคุมนั้นได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว และใบรับรองการฉีดวัคซีนให้แก่เจ้าของสัตว์ควบคุม เจ้าของสัตว์ควบคุมต้องแสดงเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ตามวรรคหนึ่งไว้ที่ตัวสัตว์ควบคุมให้เห็นได้ชัดเจน ลักษณะเครื่องหมายประจำตัวสัตว์และใบรับรองการฉีดวัคซีนตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่อธิบดีประกาศกำหนด
5.3) มาตรา 7 ในกรณีที่เครื่องหมายประจำตัวสัตว์หรือใบรับรองการฉีดวัคซีนตามมาตรา ๖ สูญหาย หรือชำรุดในสาระสำคัญก่อนที่เครื่องหมายประจำตัวสัตว์หมดอายุหรือก่อนระยะเวลาที่กำหนดไว้ในใบรับรองการฉีดวัคซีนนั้น แล้วแต่กรณี ให้เจ้าของสัตว์ควบคุมขอรับเครื่องหมายประจำตัวสัตว์หรือใบรับรองการฉีดวัคซีนแทนของเดิม แล้วแต่กรณี ภายในสิบห้าวันนับแต่วันทราบเหตุนั้น และต้องแสดงเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ดังกล่าวไว้ที่ตัวสัตว์ควบคุมให้เห็นได้ชัดเจน
ในกรณีที่เจ้าของสัตว์ควบคุมขอรับเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ หรือใบรับรองการฉีดวัคซีนแทนของเดิมตามวรรคหนึ่ง จากสัตวแพทย์หรือผู้ได้รับมอบหมายเป็นหนังสือจากสัตวแพทย์ เจ้าของสัตว์ควบคุมต้องเสียค่าธรรมเนียมตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง
5.4) มาตรา 9 ในที่สาธารณะ ถ้าปรากฏว่าสัตว์ควบคุมใดไม่มีเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ตามมาตรา 6 หรือมาตรา 7 หรือมีแต่เป็นเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ปลอม ให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจจับสัตว์ควบคุมนั้นเพื่อกักขัง ถ้าไม่มีเจ้าของมาขอรับคืนภายในห้าวัน ให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจทำลายสัตว์ควบคุมนั้นได้
5.5) มาตรา 12 ในกรณีที่สัตว์ควบคุมใดถูกสัตว์ควบคุมอื่นที่สงสัยว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้ากัด ไม่ว่าสัตว์ควบคุมที่ถูกกัดจะได้รับการฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ ให้เจ้าของสัตว์ควบคุมนั้นแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานท้องถิ่นภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่เวลาที่รู้ว่าถูกกัด เพื่อให้สัตว์ควบคุมนั้นได้รับการฉีดวัคซีน
ให้เจ้าของสัตว์ควบคุมเฝ้าสังเกตอาการของสัตว์ควบคุมที่ถูกกัดไว้เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าหกเดือนนับแต่เวลาที่รู้ว่าถูกกัด หากปรากฏว่าสัตว์ควบคุมนั้นมีอาการของโรคพิษสุนัขบ้าภายในระยะเวลาดังกล่าว ให้เจ้าของสัตว์ควบคุมกักขังสัตว์ควบคุมนั้นไว้และแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานท้องถิ่นภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่เวลาที่พบว่าสัตว์ควบคุมนั้นมีอาการของโรคพิษสุนัขบ้า
ในกรณีที่สัตว์ควบคุมที่เจ้าของสัตว์ควบคุมเฝ้าสังเกตอาการตามวรรคสองตาย หรือสูญหายภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้เจ้าของสัตว์ควบคุมนั้นแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานท้องถิ่นภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่เวลาที่รู้ว่า ตาย หรือสูญหาย และให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานท้องถิ่นปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด
6) พระราชบัญญัติ รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 เป็นกฎหมายที่กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้สังคมเกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดสะอ้านน่าอยู่ โดยจะกล่าวถึงข้อกำหนดที่ทุกคนพึงต้องกระทำทั้งในที่สาธารณะ ทางน้ำ ถนนอาคาร ฯลฯ เพื่อให้คนในสังคมนั้นอยู่รวมกันได้อย่างมีความสุข ซึ่งมีบางข้อที่พูดถึงสัตว์เลี้ยง และการเลี้ยงสัตว์เอาไว้ ดังนี้
6.1) มาตรา 14 ห้ามมิให้ผู้ใด
6.1.1) ปล่อยสัตว์ นำสัตว์ หรือจูงสัตว์ไปตามถนนหรือเข้าไปในบริเวณที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นได้ประกาศห้ามไว้
6.1.2) ปล่อยให้สัตว์ถ่ายมูลบนถนนและมิได้ขจัดมูลดังกล่าวให้หมดไป
ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่ผู้ได้รับหนังสืออนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นให้นำขบวนสัตว์หรือฝูงสัตว์หรือจูงสัตว์ไปตามถนน และได้เสียค่าธรรมเนียมรักษาความสะอาดตามข้อกำหนดของท้องถิ่น
6.2) มาตรา 22 ห้ามมิให้ผู้ใดจูง ไล่ หรือต้อนสัตว์ลงไปในทางน้ำซึ่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ปิดประกาศห้ามไว้ ณ บริเวณดังกล่าว
6.3) มาตรา 28 ห้ามมิให้ผู้ใดปล่อยหรือจูงสัตว์เข้าไปในบริเวณที่ราชการส่วนท้องถิ่น ราชการส่วนอื่น หรือรัฐวิสาหกิจได้ปลูกหรืออนุญาตให้ผู้อื่นปลูกหญ้าหรือต้นไม้ไว้ และได้ปิดประกาศหรือปักป้ายห้ามไว้
7) พระราชบัญญัติ การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสุขลักษณะและสุขภาพของคนในสังคม ซึ่งใน หมวดที่ 6 จะมีข้อกฎหมายที่กล่าวถึง "การควบคุมการเลี้ยงหรือการปล่อยสัตว์" แน่นอนว่าเกี่ยวข้องโดยตรงกับผู้เลี้ยงสุนัข โดยมีกฎหมาย ดังนี้
7.1) มาตรา 29 เพื่อประโยชน์ในการรักษาสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับการดำรงชีพของประชาชนในท้องถิ่นหรือเพื่อป้องกันอันตรายจากเชื้อโรคที่เกิดจากสัตว์ ให้ราชการส่วนท้องถิ่นมีอำนาจออกข้อกำหนดของท้องถิ่นกำหนดให้ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของพื้นที่ในเขตอำนาจของราชการส่วนท้องถิ่นนั้นเป็นเขตควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ได้
การออกข้อกำหนดของท้องถิ่นตามวรรคหนึ่ง ราชการส่วนท้องถิ่นอาจกำหนดให้เป็นเขตห้ามเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์บางชนิดหรือบางประเภทโดยเด็ดขาดหรือไม่เกินจำนวนที่กำหนด หรือเป็นเขตที่การเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์บางชนิดหรือบางประเภทต้องอยู่ในภายใต้มาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้
7.2) มาตรา 30 ในกรณีที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นพบสัตว์ในที่หรือทางสาธารณะอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 29 โดยไม่ปรากฏเจ้าของ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจกักสัตว์ดังกล่าวไว้เป็นเวลาอย่างน้อยสามสิบวัน เมื่อพ้นกำหนดแล้วยังไม่มีผู้ใดมาแสดงหลักฐานการเป็นเจ้าของเพื่อรับสัตว์คืน ให้สัตว์นั้นตกเป็นของราชการส่วนท้องถิ่น แต่ถ้าการกักสัตว์ไว้อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่สัตว์นั้นหรือสัตว์อื่น หรือต้องเสียค่าใช้จ่ายเกินสมควร เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะจัดการขายหรือขายทอดตลาดสัตว์นั้นตามควรแก่กรณีก่อนถึงกำหนดเวลาดังกล่าวก็ได้ เงินที่ได้จากการขายหรือขายทอดตลาดเมื่อได้หักค่าใช้จ่ายในการขายหรือขายทอดตลาดและค่าเลี้ยงดูสัตว์แล้ว ให้เก็บรักษาไว้แทนสัตว์
ในกรณีที่มิได้มีการขายหรือขายทอดตลาดสัตว์ตามวรรคหนึ่ง และเจ้าของสัตว์มาขอรับสัตว์คืนภายในกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง เจ้าของสัตว์ต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายสำหรับการเลี้ยงดูสัตว์ให้แก่ราชการส่วนท้องถิ่นตามจำนวนที่ได้จ่ายจริงด้วย
ในกรณีที่ปรากฏว่าสัตว์ที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นพบนั้นเป็นโรคติดต่ออันอาจเป็นอันตรายต่อประชาชน ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจทำลายหรือจัดการตามที่เห็นสมควรได้
8) ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสุนัข พ.ศ. 2548 เป็นกฎหมายท้องถิ่นที่แต่จะพื้นที่จะออกกฎหมายมาบังคับใช้กับคนที่อาศัยอยู่ในท้องที่นั้น ๆ ให้ปฏิบัติตามข้อบังคับ ซึ่งสำหรับกรุงเทพมหานครก็มีข้อบัญญัตที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงหรือการปล่อยสุนัขเช่นกัน เรามาดูข้อกฎหมายสำคัญกันครับว่าจะมีอะไรบ้าง
8.1) “สุนัขควบคุมพิเศษ” หมายความว่า
8.1.1) สุนัขสายพันธุ์ที่ดุร้าย เช่น พิทบูลเทอเรีย บูลเทอเรีย สเตฟฟอร์ดเชอร์บูลเทอเรีย รอทไวเลอร์ และฟิล่าบราซิลเรียโร เป็นต้น
8.1.2) สุนัขที่มีประวัติทำร้ายคน หรือพยายามทำร้ายคน
8.2) ข้อ 16 ในการเลี้ยงสุนัข เจ้าของสุนัขต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ดังนี้
8.2.1) จัดสถานที่เลี้ยงตามความเหมาะสมของสุนัข โดยมีขนาดเพียงพอแก่การดำรงชีวิตของสุนัข มีแสงสว่างและการระบายอากาศที่เพียงพอ มีระบบการระบายน้ำและกำจัดสิ่งปฏิกูลให้ถูกสุขลักษณะ กรณีเป็นสุนัขควบคุมพิเศษจะต้องเลี้ยงในสถานที่ หรือกรงที่สุนัขไม่สามารถเข้าถึงบุคคลภายนอก และมีป้ายเตือนให้ระมัดระวังโดยสังเกตได้อย่างชัดเจน
8.2.2) ควบคุมสุนัขมิให้ออกนอกสถานที่เลี้ยงโดยปราศจากการควบคุม
8.2.3) ควบคุมดูแลสุนัขมิให้ก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญ เช่น ก่อให้เกิดเสียงดังติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ เป็นต้น
8.2.4) รักษาสถานที่เลี้ยงสุนัขให้สะอาดอยู่เสมอ จัดเก็บสิ่งปฏิกูลให้ถูกสุขลักษณะเป็นประจำไม่ปล่อยให้เป็นที่สะสมหมักหมมจนเกิดกลิ่นเหม็นรบกวนผู้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
8.2.5) ต้องรับผิดชอบต่อความเป็นอยู่ของสุนัข เช่น เรื่องอาหาร ความสะอาด เป็นต้น ถ้าเจ้าของสุนัขไม่สามารถเลี้ยงดูสุนัขได้เป็นการชั่วคราว จะต้องจัดให้มีผู้ดูแลความเป็นอยู่ของสุนัขให้เป็นปกติสุข
8.3) ข้อ 17 ห้ามมิให้ผู้ใดเลี้ยงสุนัขในที่หรือทางสาธารณะ หรือในที่ของบุคคลอื่นโดยปราศจากความยินยอม
8.4) ข้อ 20 ผู้ใดนำสุนัขออกนอกสถานที่เลี้ยง ต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้
8.4.1) พกบัตรประจำตัวสุนัขและต้องแสดงบัตรประจำตัวสุนัขเมื่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นเจ้าพนักงานสาธารณสุข หรือพนักงานเจ้าหน้าที่เรียกตรวจ
8.4.2) ผูกสายลากจูงสุนัขที่แข็งแรงและจับสายลากจูงตลอดเวลา ในกรณีที่เป็นสุนัขควบคุมพิเศษต้องใส่อุปกรณ์ครอบปากและจับสายลากจูงห่างจากตัวสุนัขไม่เกินห้าสิบเซนติเมตรตลอดเวลา
8.5) ข้อ 21 ห้ามบุคคลอายุต่ำกว่าสิบห้าปี หรือเกินกว่าหกสิบห้าปี นำสุนัขควบคุมพิเศษออกนอกสถานที่เลี้ยง เว้นแต่จะอยู่ในกรง ที่ขัง หรือเครื่องควบคุมอื่น ที่มั่นคงแข็งแรง เพียงพอที่จะป้องกันสุนัขมิให้เข้าถึงบุคคลภายนอก |
2.1.9 ทฤษฎีของ PHP |
PHP (PHP Hypertext Preprocessor)คือภาษาสําหรับใช้ในการเขียนโปรแกรมบนเว็บไซต์ สามารถเขียนได้หลากหลายโปรแกรมเช่นเดียวกับภาษาทั่วไปอาจมีข้อสงสัยว่า ต่างจาก HTML อยางไร คําตอบคือ ่ HTML นั้นเป็นภาษาที่ใช้ในการจัดรูปแบบของเว็บไซต์จัดตําแหน่งรูป จัดรูปแบบตัวอักษร หรือใส่สีสันให้กับเว็บไซต์ของเราแต่ ่ PHP นั้นเป็นส่วนที่ใช้ในการคํานวน ประมวลผล เก็บค่า และทําตามคําสั่งต่างๆ อย่างเช่น รับค่าจากแบบ form ที่เราทํารับค่าจากช่องคําตอบของเว็บบอร์ดและเก็บไว้เพื่อนํามาแสดงผลต่อไปแม้แต่กระทังใช้ในการเขียน ่ CMSยอดนิยมเช่น Drupal , Joomla พูดง่ายๆคือเว็บไซต์จะโต้ตอบกบผู้ใช้ได้ ต้องมีภาษา PHP ส่วน HTML หรือ Javascript ใช้เป็ นเพียงแค่ตัวควบคุมการแสดงผลเท่านั้น
ความสามารถของภาษา PHP
1) เป็นภาษาที่มีลักษณะเป็นแบบ Open source ผู้ใช้สามารถ Download และนํา Source code ของ PHP ไปใช้ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
2) เป็นสคริปต์แบบ Server Side Script ดังนั้นจึงทํางานบนเว็บเซิร์ฟเวอร์ไม่ส่งผลกับการทํางานของเครื่อง Client โดย PHP จะอ่านโค้ด และทํางานที่เซิร์ฟเวอร์จากนั้นจึงส่งผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลมาที่เครื่องของผู้ใช้ในรูปแบบของ HTML ซึ่งโค้ดของ PHP นี้ผู้ใช้จะไม่สามารถมองเห็นได้
3) PHP สามารถทํางานได้ในระบบปฎิบัติการที่ต่างชนิดกันเช่น Unix, Windows, Mac OS อย่างมีประสิทธิภาพเนื่องจาก PHP เป็นสคริปต์ที่ต้องทํางานบนเซิร์ฟเวอร์ดังนั้นคอมพิวเตอร์สําหรับเรียกใช้คําสั่งPHPจึงจําเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมเว็บเซิร์ฟเวอร์ไว้ด้วย เพื่อให้สามารถประมวลผล PHP ได้
4) PHP สามารถทํางานได้ในเว็บเซิร์ฟเวอร์หลายชนิด เช่น Personal Web Server(PWS), Apache, OmniHttpd และ Internet Information Service(IIS) เป็นต้น
5) ภาษา PHP สนับสนุนการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (Object Oriented Programming)
6) PHP มีความสามารถในการทํางานร่วมกบระบบจัดการฐานข้อมูลที่หลากหลาย ระบบจัดการฐานข้อมูลที่สนับสนุนการทํางานของ PHP เช่น Oracle, MySQL, FilePro, Solid, FrontBase, mSQL, Microsoft Accessและ MS SQL เป็นต้น
7) PHP อนุญาตให้ผู้ใช้สร้างเว็บไซต์ซึ่งทํางานผานโปรโตคอลชนิดต่างๆ ได้ เช่น LDAP, IMAP, SNMP, POP3และ HTTP เป็นต้น
หลักการทำงานของ PHP ดังภาพที่ 2.8
ภาพที่ 2.8 ขั้นตอนการทํางาน PHP Script Request/ Response
จาก Client จะเรียกไฟล์ PHP script ผ่านทางเว็บบราวเซอร์ไปยัง Web Server เมื่อ Web Server รับคํารองขอจากเว็บบราวเซอร์แล้วก็จะนําสคริปต์ PHP ที่เก็บอยูใน่เซิร์ฟเวอร์มาประมวลผลด้วยโปรแกรมแปลภาษา PHP ที่เป็นอินเตอร์พรีเตอร์
กรณีที่ PHP script มีการเรียกใช้ข้อมูลก็จะติดต่อกบฐานข้อมูลผ่านทาง ODBC Connection ถ้าเป็นฐานข้อมูลกลุ่ม Microsoft SQL Server, Microsoft Access, FoxProหรือใช้ Function Connection ที่มีอยูใน่ PHP Library ในการเชื่อมต่อฐานข้อมูลเพื่อดึงข้อมูลออกมาหลังจากแปลสคริปต์ PHP เสร็จแล้วจะได้รับไฟล์ HTML ใหม่ที่มีแต่แท็ก HTML ไปยัง Web Server
Web Server ส่งไฟล์ HTML ที่ได้ผ่านการแปลแล้วกลับไปยังเว็บบราวเซอร์ที่ร้องขอผานทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
ภาพที่ 2.9 ภาษาPHP |
2.1.6 สมุดบันทึกการรักษาสุนัข |
สมุดวัคซีน (Vaccination book) หรือ ใบรับรองการฉีดวัคซีนสำหรับสุนัขนั้น เป็นหนังสือใช้ยืนยันว่าสุนัขได้รับการฉีดวัคซีนอะไรมาแล้วบ้าง ฉีดมาเมื่อไหร่ มีนัดฉีดครั้งต่อไปเมื่อไหร่ และฉีดมาครบถ้วนตามกำหนดหรือไม่ โดยในใบรับรองการฉีดวัคซีนนั้น จะแสดงชื่อวัคซีนที่ได้รับการฉีดมา ว่าใช้สำหรับป้องกันโรคอะไรบ้าง มีฉลากวัคซีนหรือ sticker จากขวดวัคซีนที่ได้ฉีดให้ไปติดกำกับไว้ ซึ่งในฉลากวัคซีนนั้นจะแสดง ชื่อวัคซีนและเลขที่ผลิตวัคซีนเอาไว้ใช้ตรวจสอบ และยังต้องมีชื่อสัตวแพทย์ พร้อมลายเซ็น และเลขใบประกอบวิชาชีพทางการสัตวแพทย์ของผู้ทำการฉีดให้ระบุเอาไว้ด้วย นอกจากนี้ยังต้องมีตราปั้มหรือชื่อสถานพยาบาลหรือหน่วยงานที่เป็นผู้ออกสมุดวัคซีนนั้นกำกับเอาไว้ด้วย
ดังภาพที่ 2.5
ภาพที่ 2.5 ตัวอย่างสมุดวัคซีนสุนัข
ใบรับรองการฉีดวัคซีนนอกจากกจะใช้ยืนยันว่า สุนัขของเราได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคอะไรมาบ้างแล้ว ยังถือเป็นข้อกำหนดที่ต้องมีไว้ตามกฎหมายด้วย เพราะตามพระราชบัญญัติโรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ. 2535 นั้น กำหนดให้เจ้าของสัตว์ควบคุมต้องพาสัตว์ที่ตนเลี้ยง (สุนัข) เข้ารับการฉีดวัคซีน เมื่อสัตว์ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว สัตวแพทย์จะต้องมอบใบรับรองการฉีดวัคซีนให้แก่เจ้าของสัตว์ เพื่อให้พกติดไว้ใช้ยืนยันว่า น้องหมาตัวนี้ได้รับการฉีดวัคซีนมาแล้ว กรณีที่เจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบ หรือใช้ยืนยันในกรณีเกิดข้อพิพาท เช่น สุนัขของเราเกิดไปกัดบุคคลหรือสัตว์เลี้ยงตัวอื่น ๆ ก็จะต้องมีใบรับรองการฉีดวัคซีนนี้มายืนยัน
กรณีนำน้องหมาไปต่างประเทศ เราก็ต้องใช้สมุดวัคซีนมายืนยันในการใช้ออกเอกสารรับรองจากทางราชการ สำหรับการนำเข้าและส่งออกน้องหมาไปยังต่างประเทศ โดยในบางประเทศนั้นจะมีกฎหมายว่า สัตว์เลี้ยงที่จะเข้าหรือออกประเทศได้ จะต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าหรือโรคบางอย่างมาก่อน พร้อมทั้งมีฉลากวัคซีนหรือ sticker ของวัคซีนที่ฉีด พร้อมด้วยลายเซ็นคุณหมอผู้ทำการฉีดให้กำกับให้อยู่ด้วย
ซึ่งส่วนตัวแล้วเคยเจอกรณีที่เจ้าของนำสัตว์เลี้ยงจากต่างประเทศมาอยู่ในบ้านเรา เขาก็จะนำสมุดวัคซีนมายืนยันสำหรับการฉีดวัคซีนประจำปีต่อเนื่อง ซึ่งสมุดวัคซีนนี้เหมือนเป็นหนังสือสากลที่สัตวแพทย์ทั่วโลกใช้สื่อสารกัน และเข้าใจได้ทันทีว่า สุนัขตัวนี้ได้รับการฉีดวัคซีนอะไรมาแล้วบ้าง ต้องได้รับการฉีดวัคซีนอะไรต่อบ้าง และในสมุดวัคซีนก็จะมีการกำหนดวันแจ้งนัดการฉีดวัคซีนครั้งต่อไประบุไว้ ทำให้ผู้เลี้ยงสามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้ารับการฉีดวัคซีนได้อย่างต่อเนื่อง |
2.1.8 พื้นฐานภาษา HTML |
HTML ย่อมาจากคำว่า Hypertext Markup Language เป็นภาษาหลักที่ใช้ในการสร้างไฟล์เว็บเพจ โดยมีแนวคิดจากการสร้างเอกสารไฮเปอร์เท็กซ์ (Hypertext Document) ซึ่งพัฒนาขึ้นมาจากภาษา SGML (Standard Generalized Markup Language) โดย Tim Berners-Lee เป็นภาษามาตรฐานที่ใช้พัฒนาเอกสารในรูปแบบของเว็บเพจเผยแพร่บนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มีโครงสร้างการเขียนที่อาศัยตัวกำกับ เรียกว่า แท็ก (Tag) ควบคุมการแสดงผลของข้อความ, รูปภาพ หรือวัตถุอื่นๆ เรียกใช้เอกสารเหล่านี้โดยการใช้โปรแกรมเว็บบราวเซอร์ (Web Browser) เช่น Mozilla Firefox, Opera , Nescape navigator, Internet Explorer ฯลฯ เป็นต้น
HTML เป็นมาตรฐานหนึ่งของ ISO ซึ่งจัดการโดย World Wide Web Consortium (W3C) ในปัจจุบัน ทาง W3C ผลักดัน รูปแบบของ HTML แบบใหม่ ที่เรียกว่า XHTML ซึ่งเป็นลักษณะของโครงสร้าง XML แบบหนึ่งที่มีหลักเกณฑ์ในการกำหนดโครงสร้างของโปรแกรมที่มีรูปแบบที่มาตรฐานกว่า มาทดแทนใช้ HTML รุ่น 4.01 ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันขณะที่ HTML รุ่น 5 ยังคงยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาในการใช้งาน
โครงสร้างของ HTML จะประกอบไปด้วยส่วนของคำสั่ง 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็น ส่วนหัว (Head) และส่วนที่เป็นเนื้อหา (Body) โดยมีรูปแบบคำสั่งดังภาพที่ 2.7
ภาพที่ 2.7 โครงสร้างHTML |
2.1.7 การแจ้งเตือนผ่านไลน์ |
LINE Notify คือ บริการที่คุณสามารถได้รับข้อความแจ้งเตือนจากเว็บเซอร์วิสต่างๆ ที่คุณสนใจได้ทาง LINE โดยหลังเสร็จสิ้นการเชื่อมต่อกับทางเว็บเซอร์วิสแล้ว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนจากบัญชีทางการของ “LINE Notify” ซึ่งให้บริการโดย LINE นั่นเอง คุณสามารถเชื่อมต่อกับบริการที่หลากหลาย และยังสามารถรับการแจ้งเตือนทางกลุ่มได้อีกด้วย
ภาพที่ 2.6 Line Notify |
2.1.11 พื้นฐานภาษา JavaScript |
JavaScript เป็นภาษาสคริปต์เชิงวัตถุ (ที่เรียกกันว่า “สคริปต์” (script) ซึ่งในการสร้างและพัฒนาเว็บไซต์ (ใช่ร่วมกับ HTML) เพื่อให้เว็บไซต์ของเราดูมีการเคลื่อนไหว สามารถตอบสนองผู้ใช้งานได้มากขึ้น ซึ่งก่อนที่จะเริ่มเรียนเรื่อง JavaScrip นั้น จำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานเรื่อง HTML และ CSS ก่อน
ในการใช้งาน JavaScript นั้น จำเป็นต้องใส่ Code ให้อยู่ระหว่างแท็ก โดยตัวคำสั่ง JavaScript นี้จะอยู่ในส่วนแท็กและของเอกสาร HTML เช่น JavaScript ในแท็กดังภาพที่ 2.11
ภาพที่ 2.11 JavaScript ใน body
ตัวแปรใน Javascript
1) var เป็นการประกาศตัวแปรแบบ global scope คือ ประกาศค่าและใช้ค่าร่วมกันได้
2) let เป็นการประกาศตัวแปรแบบ block scope
3) Const เป็นการประกาศตัวแปรแบบ block scope ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงค่าได้แต่การเปลี่ยนค่าภายใน object
Array ชุดของข้อมูล เป็นตัวแปรพิเศษซึ่งสามารถเก็บมากกว่าหนึ่งค่าในแต่ละครั้งหากต้องการมีรายการสินค้า (ตัวอย่างเช่นชื่อรถ) การจัดเก็บรถยนต์ในตัวแปรเดี่ยวอาจมีลักษณะดังภาพที่ 2.12
ภาพที่ 2.12 ตัวอย่าง Array
ในการเข้าถึงของอาร์เรย์ค่าเริ่มต้นของ Index จะมีค่าเท่ากับ 0 เสมอ ดังภาพที่ 2.13
ภาพที่ 2.13 ตัวอย่างชุดอาเรย์
ฟังก์ชั่น หรือชุดคำสั่งทีรวม Statement การทำงานเอาไว้ สามารถเรียกชื่อมาใช้งานตามที่เราต้องการใช้ได้ ดังภาพที่ 2.14
ภาพที่ 2.14 ตัวอย่างการเรียกใช้ฟังก์ชั่น
Loop ใช้ทำซ้ำตามเงื่อนไขที่กำหนด ตัวอย่างการใช้งานดังภาพที่ 2.15
ภาพที่ 2.15 ตัวอย่างการทำงาน Loop for
ภาพที่ 2.16 ภาษาJavascript (JS) |
2.1.12 พื้นฐานภาษา CSS |
Cascading Style Sheets (CSS) คือภาษาที่ใช้กำหนดรูปแบบการแสดงผล HTML CSS ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ร่วมกับ HTML กล่าวคือ HTML ใช้สำหรับกำหนดโครงสร้างข้อมูล และ CSS ใช้สำหรับกำหนดรูปแบบการแสดงผลเพื่อให้คุณใช้จัดรูปแบบของเว็บเพจของคุณได้ดีขึ้น และแก้ไขได้ง่ายขึ้น ในหมวดนี้คุณจะสามารถใช้ CSS เพื่อเปลี่ยนรูปแบบหน้าเว็บเพจคุณได้แบบง่ายๆ แนะนำว่าควรมีพื้นฐานเกี่ยวกับ HTML เพื่อจะได้เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น
ข้อดีของ CSS
1) สามารถแก้ไขเว็บเพจได้หลายๆหน้าพร้อมกัน
2) ลดปัญหาการแสดงผลที่ผิดเพี้ยน
3) ช่วยให้การทำเว็บมีประสิทธิภาพมากขึ้น
4) ช่วยให้การทำเว็บยืดหยุ่นมากขึ้น
5) การกลับมาแก้ไขเว็บเพจทำง่ายขึ้น
รูปแบบของคำสั่ง CSS นั้นจะประกอบไปด้วย 3 ส่วน
1) Selector คือ ส่วน HTML tag ที่เราต้องการจะให้แสดงผล เช่น ก็จะแสดงผลในส่วนของตารางดังภาพที่ 2.17
ภาพที่ 2.17 ตัวอย่างการกำหนดสี
2) Property คือ ส่วนของคุณสมบัติที่เราต้องการให้แสดง เช่น สีตัวอักษร , ชนิดตัวอักษร , ขนาดตัวอักษร ดังภาพที่ 2.18
ภาพที่ 2.18 การกำหนดฟอนต์
3) Value คือ ค่าที่เราต้องการให้แสดง เช่น ตัวอักษรสีแดง , ตัวอักษรแบบ tahoma , ตัวอักษรขนาด 12 pt ดังภาพที่ 2.19
ภาพที่ 2.19 กำหนดตำแหน่งและสีของตัวอักษร
Class selector ในการกำหนด selector นั้นเราจะใช้ HTML tag ในการกำหนด แต่ถ้าเราต้องการแสดงผลที่ต่างกัน ใน HTML tag ตัวเดียวกันตัวอย่าง เช่น ต้องการให้ย่อหน้าในเอกสารจัดตัวอักษรชิดซ้ายในตำแหน่งนึง และจัดชิดขวาในอีกตำแหน่ง ดังภาพที่ 2.20
ภาพที่ 2.20 กำหนดcssโดยระบุclass
Id selector เป็นการกำหนด selector อีกแบบหนึ่ง ซึ่งเราจะใช้สัญลักษณ์ # นำหน้า selector ของเราดังภาพที่ 2.21
ภาพที่ 2.21 กำหนดcssโดยระบุid
CSS comments การเขียนหมายเหตุให้คำสั่ง CSS หมายเหตุ หรือ comment เราจะใช้ในการบรรยาย code ของเราซึ่งส่วนนี้จะไม่แสดงใน brower แต่จะใช้เพื่อบอกเราว่า code ส่วนนี้ใช้เพื่อทำอะไร ดังภาพที่ 2.22
ภาพที่ 2.22 การcommentในcss
การเขียน CSS ในเอกสาร HTML การเขียนแบบนี้ไม่เป็นที่นิยมเพราะถ้าเราต้องการแก้ไข ก็ต้องแก้ไขในทุกหน้าซึ่งจะทำให้เสียเวลา ตัวอย่างการเขียน CSS ในเอกสาร HTML ดังภาพที่ 2.23
ภาพที่ 2.23 การใช้cssในไฟล์html
การเขียน CSS แยกเป็นอีก 1 ไฟล์การเขียนแบบนี้เป็นที่นิยมมากเพราะถ้าเราต้องการแก้หน้าตาเว็บเพจของเราก็แก้ไฟล์ CSS แค่ไฟล์เดียวก็สามารถทำให้หน้าเว็บเพจของเราเปลี่ยนไปได้หมด ซึ่งการใช้งานก็ให้เราเขียน Code ที่หน้า HTML ดังภาพที่ 2.24
ภาพที่ 2.24 การเชื่อมต่อไฟล์ฺcss
การใส่พื้นหลังโดยใช้คำสั่ง CSS นั้นเราสามารถใส่พื้นหลังได้กับวัตถุใดก็ได้เช่น ใส่พื้นหลังให้กับหัวข้อ , ใส่พื้นหลังให้กับตาราง , ใส่พื้นหลังให้กับย่อหน้า และยังสามารถกำหนดขนาด และรายละเอียดการแสดงผลได้อีกด้วย
1) ใส่พื้นหลังที่เป็นสี เราสามารถใส่พื้นหลังให้กับวัตถุในหน้าเว็บเพจของเราได้ ดังตัวอย่างเราใส่พื้นหลังให้กับ,โดยการกำหนดสีก็ใช้แบบเดียวกับภาษา HTML
2) ใส่พื้นหลังที่เป็นรูปภาพ ในตัวอย่างจะเป็นการใส่พื้นหลังที่เป็นรูปภาพ
3) คำสั่งให้แสดงพื้นหลังซ้ำในแนวตั้งเท่านั้น ตามปรกติการแสดงรูปพื้นหลังจะแสดงซ้ำๆกันจนเต็มหน้าเว็บเพจ ดังตัวอย่างที่ 2 อยู่แล้วแต่ในหัวข้อนี้จะให้แสดงซ้ำเฉพาะในแนวตั้งเท่านั้น
4) คำสั่งให้แสดงพื้นหลังซ้ำในแนวนอนเท่านั้น ตัวอย่างนี้จะเป็นคำสั่งที่ใช้แสดงพื้นหลังซ้ำเฉพาะแนวนอนเท่านั้น
5) คำสั่งให้แสดงพื้นหลังเพียงครั้งเดียวคำสั่งนี้จะเป็นการบังคับให้มีการแสดงรูปพื้นหลังเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
6) คำสั่งกำหนดตำแหน่งของพื้นหลังในหัวข้อที่ 5 เรากำหนดให้แสดงพื้นหลังเพียงครั้งเดียว โดยตำแหน่งที่แสดงนั้นเป็นตำแหน่งซ้ายบนของเว็บเพจ ซึ่งในหัวข้อนี้จะระบุตำแหน่งให้กับพื้นหลังของเรา โดยใช้คำสั้ง background-position: ในตัวอย่างเราจะให้จัดเข้ากึ่งกลางของหน้า background-position: center ความจริงแล้วเราอาจจัดให้อยู่ตำแหน่งอื่นได้อีกเช่น
6.1) background-position: left เป็นตำแหน่งด้านซ้ายของหน้า
6.2) background-position: right top เป็นตำแหน่งด้านขวาบนของหน้า
6.3) background-position: center bottom เป็นตำแหน่งกึ่งกลางด้านล่างของหน้า
7) คำสั่งกำหนดตำแหน่งของพื้นหลังเป็นเปอร์เซ็นต์ ในหัวข้อที่แล้วเป็นการกำหนดตำแหน่งแบบคร่าวๆ ในหัวข้อนี้เราจะบอกตำแหน่งของพื้นหลังเป็น % โดยจะให้รายละเอียดได้มากว่าในหัวข้อที่แล้ว เราจะใช้คำสั่ง background-position: X% Y% โดยจะมีค่า 2 ค่าให้เราใส่คือ ค่า X เป็นตำแหน่งในแนวนอน และค่า Y เป็นตำแหน่งในแนวตั้ง โดย ค่า X = 0% , Y = 0% จะอยู่ที่มุมซ้ายบนของเว็บเพจ
8) คำสั่งกำหนดตำแหน่งของพื้นหลังเป็น px (pixel) กำหนดพื้นหลังแบบ pixel จะใช้คำสั่ง background-position: Xpx Ypx โดยค่าที่เราจะต้องใส่มี 2 ค่าคือ ค่า X เป็นระยะห่างจากขอบด้านซ้ายของพื้นหลัง และค่า Y เป็นระยะห่างจากขอบด้านบนของพื้นหลัง โดย ค่า X = 0px , Y = 0px จะอยู่ที่มุมซ้ายบนของเว็บเพจ
9) คำสั่งให้พื้นหลังอยู่กับที่ โดยทั่วไปเมื่อเราเลื่อนหน้าเว็บเพจเพื่ออ่านเนื้อหา พื้นหลังก็จะเลื่อนตามด้วย แต่คำสั่งนี้จะทำให้พื้นหลังอยู่กับที่เคลื่อนที่เฉพาะเนื้อหาเท่านั้น
10) การใช้หลายๆคุณสมบัติโดยคำสั่งเดียวเราสามารถกำหนดหลายๆคุณสมบัติของพื้นหลังไว้ในคำสั่ง background: เพียงคำสั่งเดียว
จะสังเกตุได้ว่า browser จะแสดงพื้นหลังที่เป็นภาพไว้บนพื้นหลังที่เป็นสีเสมอ
คำสั่งที่ใช้กับข้อความ (text) CSSข้อความเป็นสิ่งที่เราใช้มากสุดในการทำเว็บเพจ ซึ่ง CSS ก็มีคำสั่งมากมายที่ใช้ในการควบคุมการแสดงผลของข้อความ
1) ใส่สีให้ข้อความ ในหัวข้อนี้จะเป็นการใส่สีให้กับข้อความ โดยเราจะกำหนดสีให้กับวัตถุของเรา
2) การใส่สีพื้นหลังให้ข้อความ ในตัวอย่างจะเป็นการเน้นกลุ่มคำด้วยการใส่สีพื้นหลัง ซึ่งจะทำให้คำนั้นเด่นขึ้นมา เหมือนกับการที่เราใช้สีเมจิกเน้นคำที่อยู่ในหนังสือนั่นเอง จะเห็นได้ว่าเราใช้คำสั่ง ซึ่งคำสั่งนี้ก็เหมือนกับกำหนดให้กลุ่มอักษรที่อยู่ในวัตถุที่ชื่อว่า span เพื่อเราจะได้กำหนดขอบเขตของคำสั่ง CSS
3) การเว้นช่องว่างระหว่างตัวอักษรตัวอย่างเป็นคำสั่งที่ใช้ในการเว้นช่องว่างระหว่างตัวอักษร หรือที่เราเรียกว่าช่องไฟนั่นเอง
4) การเว้นช่องว่างระหว่างบรรทัดคำสั่งนี้ใช้ในการกำหนดความสูงระหว่างบรรทัด ซึ่งจะมีผลมากในการแสดงผลเพราะถ้าเราเว้นระยะระหว่างบรรทัด มากไป หรือน้อยไป ก็ส่งผลต่อการอ่านทำให้อ่านข้อความได้ยากขึ้น
5) การจัดตำแหน่งข้อความเราจัดตำแหน่งข้อความเพื่อประโยชน์ในการแสดงผลเช่น การแสดงผลจำนวนเงินเรามักจะแสดงผลให้ชิดขวา , การแสดงผลข้อความเรามักแสดงผลชิดซ้าย
6) จัดรูปแบบข้อความในตัวอย่างจะเป็นคำสั่งที่ใช้ในการขีดเส้นฆ่าตัวข้อความ ขีดเส้นใต้ หรือใช้จัดการกับ link
7) จัดรูปแบบข้อความที่เป็น linkตัวอักษรที่เป็น link นั้นเราใช้คำสั่งในการจัดรูปแบบเหมือนข้อความทั่วไป แต่ selector นั้นเป็นคำสั่งเฉพาะ ซึ่งมีทั้งหมด 4 ตัวได้แก่
7.1) a:link เป็นรูปแบบปรกติของข้อความที่เป็น link
7.2) a:hover เป็นรูปแบบของข้อความเมื่อมีเมาส์อยู่ด้านบน
7.3) a:active เป็นรูปแบบของข้อความเมื่อเราคลิกที่ข้อความ
7.4) a:visit เป็นรูปแบบของข้อความที่เป็น link ที่เราเปิดดูแล้ว
8) คำสั่งจัดการย่อหน้าเป็นคำสั่งที่ใช้บอกระยะย่อหน้าของข้อความ ซึ่งเราอาจใช้หน่วยเป็น cm ก็ได้
9) คำสั่งจัดตัวอักษร พิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็กเป็นคำสั่งที่เราไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ใช้ในการจัดรูปแบบตัวอักษรภาษาอังกฤษ ให้เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก
10) คำสั่งใช้ในการจัดเรียงตัวอักษร เป็นคำสั่งที่ใช้ในการจัดเรียงตัวอักษร จากซ้ายไปขวา หรือ จากขวาไปซ้าย จะมีผลกับตัวเลข สัญลักษณ์ต่างๆ ไม่มีผลกับตัวอักษร ในบทนี้เราจะใช้คำสั่ง div ซึ่งก็เป็นคำสั่งคล้ายกับ span เพียงแต่ว่า div จะเว้นบรรทัดระหว่าง div ส่วน span จะไม่เว้นแต่จะแสดงผลต่อไปเลย
11) คำสั่งควบคุมระยะการเว้นวรรค เป็นคำสั่งที่ใช้ควบคุมระยะห่างของการเว้นวรรค ใช้ได้กับภาษาอังกฤษเท่านั้น
12)คำสั่งควบคุมการขึ้นบรรทัดใหม่ ตามปรกติถ้าข้อความของเรานั้นมีความยาว browser ก็จะทำการตัดบรรทัดให้เราเองแต่ถ้าเราใช้คำสั่ง no wrap เป็นการบอกให้ browser ไม่ต้องตัดบรรทัดให้เรา ให้แสดงผลตามยาวออกไป จนกว่าจะเจอคำสั่ง
จึงขึ้นบรรทัดใหม่
คำสั่งจัดการฟอนต์ (font) CSS ในบทที่แล้วเป็นการควบคุมการแสดงผลของข้อความเราจะใช้คำสั่ง text เป็นส่วนใหญ่แต่ในบทนี้เราจะลงราย
ภาพที่ 2.25 ภาษา css
|
2.1.13 ทฤษฏีของ Bootstrap |
Bootstrap คือ Frontend Framework ยี่ห้อหนึ่งที่ช่วยให้เราสามารถสร้างหน้าเว็บให้ตรงตามแบบที่เราต้องการได้ง่ายขึ้น เพราะ Bootstrap มีทั้งระบบ grid ที่ช่วยเรื่องการวาง layout ที่รองรับในแบบ responsive และมี component สำเร็จรูปให้ใช้ ถ้าเราอยากได้ของที่ต้องใช้บ่อยๆ แต่ไม่อยากคราฟเองเช่น table card หรือปุ่มสวยๆ bootstrap ก็สามารถช่วยให้เราสร้างขึ้นมาได้ง่ายๆ ตามแบบที่ bootstrap ได้วางไว้อีกด้วย
การติดตั้ง bootstrap เราสามารถติดตั้งผ่าน cdn โดยการประกาศในได้เลย ดังภาพที่ 2.26
ภาพที่ 2.26 การใช้งานผ่านลิงค์bootstrap
ภาพที่ 2.27 Bootstrap |
2.2 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง |
วิน สุรเชษฐพงษ์ (2553) ได้วิจัยแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้วัคซีนในสุนัขและแมว พบว่า ไม่ควรให้วัคซีนแก่สัตว์ถี่เกินความจําเป็น เนื่องจากระยะเวลาที่มีภูมิคุ้มกัน (DOI) จากการได้รับวัคซีนสามารถอยู่ได้นานหลายปีหรือตลอดชีวิต โดยหลังจากที่สัตว์ได้รับการกระตุ้นอีกหนึ่งครั้งที่ 12 เดือนภายหลังจากการให้ในช่วงที่เป็นลูกสุนัขและแมว ควรให้วัคซีนหลักทุกๆ 3ปี
อุดมพร คำล้ำเลิศ (2560) ได้วิจัยการพัฒนารูปแบบการบันทึกทางการพยาบาลในหออภิบาลทารกแรกเกิด โรงพยาบาลสมุทรสาคร พบว่า การบันทึกทางการพยาบาลแม้จะมีการพัฒนามาก่อน แต่ก็ยังประสบปัญหาการบันทึกทางการพยาบาลที่ต้องการการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยังมีการพัฒนารูปแบบการบันทึกทางการพยาบาลในหออภิบาลทารกแรกเกิดจำนวนน้อย ดังนั้นจึงพัฒนาปรับปรุงรูปแบบของการบันทึกทางการพยาบาลในหออภิบาลทารกแรกเกิดของโรงพยาบาลให้เอื้อต่อกระบวนการบันทึก และมีแบบฟอร์มสำหรับบันทึกข้อมูลที่สำคัญต่อการรักษาดูแลทารกเพียงพอเพื่อให้พยาบาลวิชาชีพสามารถบันทึกข้อมูลให้มีคุณภาพโดยให้ครอบคลุมตามเนื้อหา ถูกต้องตามหลักการบันทึก และมีความต่อเนื่องของการบันทึกสอดคล้องเหมาะสมกับบริบทของหออภิบาลทารกแรกเกิด ซึ่งจะทำให้การปฏิบัติการพยาบาลมีคุณภาพมากขึ้น และส่งผลดีต่อการรักษาพยาบาลและการฟื้นฟูสภาพของทารกแรกเกิดให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
จากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องที่กล่าวมาข้างต้นสรุปได้ว่า ระบบบันทึกข้อมูลการรักษาและบันทึกข้อมูลการฉีดวัคซีน เป็นการพัฒนาเพื่อนำระบบประยุกต์ใช้กับการบันทึกข้อมูลการฉีดวัคซีนและการรักษาของสุนัข เพื่อแก้ไขปัญหาการสูญหายของข้อมูลการรักษาและฉีดวัคซีนของสุนัข จากหลักการและเหตุผลที่กล่าวมาผู้ศึกษาจึงมีความสนใจในการพัฒนาระบบบันทึกการฉีดวัคซีนและการรักษาของสุนัข (Development and efficacy of canine vaccination and treatment records)เพื่อใช้เป็นระบบบันทึกข้อมูลการฉีดวัคซีนและการรักษาของสุนัข ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ |